วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559
อาหารคาวและของหวานที่แนะนำ
ส่าบ่าเขือแจ้
แกงดอกผักปั๋ง
แกงอุ๊บไก่บ้าน
ส้าบ่าแตงใส่น้ำปู๋
แกงผักเชียงดาใส่ปลาย่าง
เสงเผ่ ฮาละหว่า
เส่งเผ่ หรือขนมฮาละหว่า เป็นชื่อขนมหวานของชาวไทยใหญ่ มีลักษณะคล้ายขนมข้าวเหนียวที่ทำจากข้าวเหนียว
น้ำอ้อย กะทิ ตรงหน้าเส่งเผ่จะราดด้วยหัวกะทิแล้วปิ้ง หรือ อบหน้าจนเกรียม
รสชาติหวานมัน แม่ค้าจะทำขนมนี้บรรจุในถาดกลม และตัดขายเป็นชิ้นเล็ก ๆ มีขายในตลาดสดเทศบาล
อำเภอแม่สอด
กระบองจ่อ
กระบองจ่อมาจากภาษาพม่า
หมายถึงฟักทองทอดโดยนำมาชุบแป้งก่อนทอด ลักษณะจะกรอบนอก สีเหลือง
ใช้แป้งแปม้งซึ่งเป็นแป้งจากพม่าทำจากถั่วสีเหลืองอ่อน ปัจจุบันมีการนำผักชนิดอื่น
เช่น มะละกอดิบ น้ำเต้า ถั่วงอก มาชุบแป้งทอด โดยน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมของ
น้ำมะขามเปียก น้ำอ้อยเคี่ยว เกลือ ถั่วลิสงป่น และกระเทียม มีรส เปรี้ยว หวาน มัน
ข้าวซอย ป้าตุ๋ย
ตุ๋ยข้าวซอย คือตำนานข้าวซอยของอำเภอแม่สอด...
ที่ชาวอำเภอแม่สอดกินมากว่า60ปีขายกันตั้งแต่ชามละ 25สตางค์
50สตางค์
แล้วก็ไล่มาตั้งแต่ 3บาท 5 บาท 7บาท 10บาท
จนกระทั่งปัจจุบัน ราคามาอยู่ที่ชามละ 25 บาท
ไม่มีสาขา.. ทั่วทั้งแม่สอด
มีเจ้าเดียวและก็ไม่คิดจะขยายสาขาใดๆๆทั้งสิ้น
โรตีโอ่ง
ประเพณีท้องถิ่น
แหล่ส่างลอง(แห่ลูกแก้ว)
“แหล่” เป็นคำภาษาไทยใหญ่ แปลว่า แห่ ส่วน “ส่างลอง” คือ ลูกแก้ว
หมายถึง ลูกหลานของชาวไทยใหญ่
แหล่ส่างล่องเป็นประเพณีการบวชเณรของชาวไทยใหญ่ผู้นับถือพระพุทธศาสนา
สำหรับนักเรียนในช่วงปิดภาคการศึกษาในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
มีความเชื่อกันว่า ผู้ที่บวชเณรลูกชายตนเองจะได้บุญหรืออานิสงส์มากถึง 7 กัลป์
ถ้าบวชเณรลูกชายคนอื่นจะได้บุญ 4
กัลป์
และถ้าบวชลูกชายตนเองเป็นพระภิกษุ จะได้บุญถึง 16 กัลป์
ถ้าบวชลูกชายคนอื่นเป็นพระภิกษุจะได้บุญถึง 8 กัลป์
แล้อุปัตตะก่า (ตักบาตรตอนกลางวัน)
เป็นประเพณีของชาวไทยใหญ่ที่จัดขึ้นทุกวันโกนในช่วงเข้าพรรษา
โดยคณะศรัทธาที่เป็นผู้ชายจะออกนำเครื่องหาบหามที่สามารถบรรจุปัจจัยต่างๆ
ออกเดินรับสิ่งของที่ผู้มีจิตศรัทธาเพื่อส่งเสริมให้คนได้ทำบุญ
ตานก๋วยสลาก
เป็นประเพณีทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้ผู้ตาย
โดยการจัดของไทยทานบรรจุในชะลอมใบเล็ก ๆ ของ ไทยทานสานใหญ่เป็นพวกขนม ผลไม้
และของใช้ กระทำกันในเขตอำเภอซีกตะวันตกของจังหวัดตาก 5 อำเภอ
บางส่วนกำหนดภายในเดือนสิบ (เดือนสิบสองเหนือคือก่อนออกพรรษา 1 เดือน)
งานฉลองเจ้าพ่อพะวอ
จะจัดขึ้นทุกๆปีระหว่างวันที่ 1- 10 ธันวาคม
ชาวอำเภอแม่สอดจะจัดงานฉลองเจ้าพ่อพะวอ
กินข้าวใหม่ม้ง
การสืบสานวัฒนธรรรมของชาวม้ง จะดำเนินการเป็นประจำทุกปี หลังการเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อให้การทำนาข้าว ในปีต่อๆ ไปดี และมีผลผลิตผลงอกงามขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการดื่มเหล้าเขาวัวนั้นก็เพื่อให้ผู้ชายชาวม้งได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์กันหลังฤดูเก็บเกี่ยวและข้าวใหม่เริ่มออก การกินข้าวใหม่จะมีกับข้าว เช่น น่องไก่-หมู-เป็ด ประกอบการกินเพื่อเพิ่มความอร่อย จากนั้นก็จะมีการดื่มเหล้าเขาวัว ซึ่งการดื่มเหล้าเขาวัวนั้นตามประเพณีจะทำควบคู่กับกินข้าวใหม่ จะดื่ม 4 รอบ รอบแรกหมายถึงการร่วมโต๊ะ รอบสองเจ้าภาพแสดงการต้อนรับ รอบที่ื 3 เข้าสู่ประเพณี รอบที่ 4 หมายถึงการผูกสัมพันธ์ไมตรีอันลึกซึ้ง โดยเจ้าภาพจะเป็นผู้รินเหล้าให้แขกดื่ม
วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และศิลปะวัฒนธรรม
พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่
"พระธาตุหินกิ่ว ดอยดินจี่" ตั้งอยู่ที่บ้านวังตะเคียน หมู่ที่ 5 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก วัดพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่มีพระธาตุประดิษฐานอยู่ในสถูปเจดีย์ชาวบ้านเรียกว่า "พญาล่อง" ตั้งอยู่บนภูเขา ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมอญขนาดเล็ก สร้างไว้บนก้อนหินด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนชะง่อนผากิ่วคอดเหมือนจะขาดออกจากกัน ชาวบ้านเรียกหินมหัศจรรย์นี้ว่า "เจดีย์หินพระอินทร์แขวน"
พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ เล่าสืบต่อกันมาว่า ผู้สร้างเป็นชาวกะเหรี่ยงในสมัยที่อังกฤษปกครองพม่า ชื่อว่านายพะส่วยจาพอ ได้มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้นำเงินตราเหรียญรูปีบรรทุกหลังช้างมาเพื่อหาที่สำหรับสร้างเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา ครั้นมาถึงบริเวณผาหินกิ่ว (หรือดินจี่) ได้มองเห็นหินก้อนใหญ่ชะโงกงำตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน และมีลักษณะคล้ายกับเจดีย์พระอินทร์แขวนในประเทศพม่า จึงได้ทำการก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้นำพระสารีสริกธาตุบรรจุไว้ในองค์เจดีย์ พร้อมกับพระพุทธรูปทองคำจำนวน 5 องค์
นอกจากนี้บริเวณวัดพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ ยังมีสิ่งสำคัญคือ เรือโบราณพบเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2539 โดยชาวบ้านวังตะเคียน ได้ช่วยกันกู้ขึ้นมาเก็บรักษาไว้ที่เชิงดอยดินกี่ เป็นเรือที่ขุดจากไม้ซุงทั้งต้น ขนาดของเรือกว้าง 126 เมตร ยาว 13.35 เมตร สูง 0.52 เมตร หนา 0.04 เมตร ส่วนหัวเรือและท้ายเรือ มีความยาวเท่ากัน (ประมาณ 1.20 เมตร) ภายในเรือมีช่องสำหรับสอดไม้กระดานเพื่อทำเป็นที่นั่งจำนวน 4 ช่อง มีระยะห่างไม่เท่ากัน จากรูปและขนาดของเรือ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือที่ใช้ในการขนส่งอาหารหรือสินค้าระหว่างทั้งสองฝั่งแม่น้ำเมย มีอายุประมาณ 200 ปี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 7 อย่าง
1. พระพุทธรูปพระพักตร์งามภายในถ้ำฆ้องถ้ำกลอง เป็นพระพุทธรูปที่ใบหน้างามที่สุดในโลก สร้างแบบศิลปพม่า ประดิษฐานอยู่ในถ้ำฆ้องถ้ำกลอง ชื่อถ้ำมาจากเมื่อโยนหินไปในถ้ำ หินกระทบผนัง จะได้ยินเสียงคล้ายเสียงฆ้องและเสียงกลอง ถัดหลังองค์พระจะเป็นถ้ำพญานาค มีลักษณะใหญ่เรียวเป็นรูเล็กลงจนกระทั่งมุดตามเข้าไปไม่ได้ ลักษณะของถ้ำพญานาคก็คือ มีน้ำซึมไหลออกตลอดปี เพราะนาคขาดน้ำไม่ได้ หากจะเข้าถ้ำพญานาค ควรมีไฟฉายมาด้วย เมื่อเดินขึ้นมานมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ จะต้องเดินผ่านถ้ำฆ้องถ้ำกลองก่อน ความสูงนับระยะทางเป็นบันไดได้ 283 ขั้น
2. พระธาตุหินกิ่ว (พระธาตุหินพระอินทร์แขวน) ตั้งอยู่เชิงหน้าผา ห่างจากถ้ำฆ้องถ้ำกลองมาทางด้านซ้ายมือประมาณ 300 เมตร ความสูงอยู่ประมาณกึ่งกลางของดอยดินจี่ พระธาตุจะประดิษฐานอยู่บนหินกิ่วที่มีลักษณะคล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ข้าง ๆ องค์พระเจดีย์จะมีรูปปั้นเทพารักษ์หลายองค์ศิลปะแบบพม่าและไทยใหญ่ ใกล้ ๆ กับพระธาตุจะมีศาลาให้พุทธศาสนิกชนพักเหนื่อยและสำหรับสวดมนต์
3. เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่เกือบชั้นบนสุดของยอดดอย ระยะความสูงจากด้านล่างนับเป็นขั้นบันไดได้ 413 ขั้น แต่ถ้าเดินจากถ้ำฆ้องถ้ำกลองก็เดินอีกแค่ 130 ขั้นเท่านั้น ภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของมีค่า เงินรูปี เหรียญตรา และพระพุทธรูปทองคำ 5 องค์ ที่ผู้สร้างนำติดตัวมาจากประเทศพม่า ต่ำลงมาอีกนิดจะเป็นรอยเท้าคนมีบุญหรือรอยเท้าพระอรหันต์
4. รอยเท้าพระอรหันต์ หรือรอยเท้าคนมีบุญ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรอยเท้าพระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่งมาประทับเอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังสักการะบูชา เพราะคนธรรมดาจะไม่สามารถเหยียบหินแล้วให้เป็นรอยแบบนี้ได้ ในปัจจุบันชาวบ้านได้สร้างตู้กระจกครอบรอยเท้าเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันการชำรุด
5. พระพุทธรูปปางลีลา เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นดอย ด้านหน้าองค์พระเป็นบันไดนาคราช 2 ตัวทอดยาวต้อนรับผู้ที่จะเดินขึ้นมานมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้านขวามือขององค์พระเป็นรูปปั้นคนสร้างพระธาตุนี้ขี่ม้าคือนายพะส่วยจาพอ
6. เมืองลับแล ถัดจากรอยเท้าพระอรหันต์และเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาที่จุดสูงสุดของดอย จะเป็นปากทางเข้าเมืองลับแล บรรยากาศและต้นไม้จะแปลก ๆ ไม่เหมือนป่าทั่วไป ผู้มีสัมผัสที่ 6 (Sixth Sence) จะรู้ได้ การขึ้นมาทำบุญสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เพราะถัดจากนี้ไปจะเข้าสู่เขตเมืองลับแล ไปแล้วอาจไม่ได้กลับมา
7. เรือโบราณ 200 ปี เรือลำนี้ในอดีตแล่นอยู่ในแม่น้ำเมย รับส่งสินค้าแก่ประชาชนสองฟากฝั่ง ต่อมาในระหว่างสงครามถูกทำให้จมน้ำเพื่อซ่อนไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์ ด้วยความหวังว่าเมื่อผ่านสงครามแล้วจะกู้ขึ้นมาอีก แต่โชคร้ายคนเหล่านั้นตายหมด เรือก็เลยจมน้ำมานับร้อยปี แต่เรือทุกลำก็มีแม่ย่านางอยู่ เมื่อถึงเวลาอันสมควร แม่ย่านางก็ไปดลใจให้คนไปพบและกู้ขึ้นมา ปัจจุบันชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรือลำนี้เหมือนเดิมแล้ว
ข้อมูลโดย : สำนักงานจังหวัดตาก ศาลากลางจังหวัดตาก
อ.เมือง จ.ตาก 63000
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ศาลเจ้าพ่อพะวอ
ตั้งอยู่บนเนินเขาพะวอบนถนนสายตาก-แม่สอดบริเวณกม.ที่
๖๒-๖๓ ศาลนี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมือตากและแม่สอดมาก
เล่ากันว่าท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง
สมเด็จพระนเรศวรทรงแต่งตั้งให้เป็นนายด่านอยู่ที่ด่านแม่ละเมา
เพื่อคอยป้องข้าศึกมิให้ข้ามเข้ามาได้ เดิมทีศาลเจ้าพ่อพะวออยู่อีกด้านหนึ่งของเขา
แต่เมื่อตัดถนนไปทางใหม่จึงได้มาสร้างศาลขึ้นใหม่ มีผู้เล่าว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
ถ้าใครไปล่าสัตว์ในบริเวณเขาพะวอแล้วมักจะเกิดเหตุต่างๆ เช่นรถเสีย เจ็บป่วย
หรือหลงทางและเพราะเหตุที่เจ้าพ่อพะวอเป็นนักรบจึงชอบเสียงปืน ผู้ที่เดินทางผ่านนิยมยิงปืนถวายท่านเป็นการแสดงความเคารพ
หรือมิฉะนั้นก็จะจุดประทัดหรือบีบแตรรถถวาย
วัดโพธิคุณ(วัดห้วยเตย)
วัดโพธิคุณ หรือ “วัดห้วยเตย” อีกหนึ่งวัดที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่
สำคัญของตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ริมทางหลวงหมายเลข 105 โดยวัดนั้นตั้งอยู่ใกล้ถนนสายเอเซียตาก-แม่สอด
หลักกิโลเมตรที่ 69 อยู่ห่างจากตัวอำเภอแม่สอด 11 กิโลเมตรและห่างจาก เนินพิศวงประมาณ 500 เมตร วัดแห่งนี้เป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี
(วัดป่า) บรรยากาศในวัดนั้นร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด
ภายในวัดออกแบบและจัดวางผัง สภาพภูมิทัศน์ตลอดจนสิ่งก่อสร้างที่งดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดยเป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างตกแต่งตลอดจนการปั้นพระพุทธรูป
โดยคุณสมประสงค์ชาวนาไร่
ศิลปบัณฑิตจากวิทยาลัยครูอุบลราชธานีและมหาบัณฑิตทางด้านโบราณคดีมหาวิทยาลัย
ศิลปากร ผู้ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลป์อันวิจิตรมามากมายทั้งประติมากรรมและจิตรกรรม
โดยเฉพาะอาคารอุโบสถของวัดแห่งนี้นั้นท่านได้อุทิศชีวิตและจิตใจในการก่อสร้างนานกว่า 18 ปี
เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาโดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น
วัดไทยสามัคคี (วัดหลวงพ่อทันใจ)
วัดไทยสามัคคีเดิมชื่อว่า วัดเหนือ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งวัดอยู่ต้นน้ำลำห้วยแม่กื้ดหลวง ซึ่งชาวบ้านเรียกเหนือน้ำ ตั้งอยู่ ณ
บ้านแม่กื้ดหลวงหมู่ 9 ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อปีพุทธศักราช
๒๔๘๒ โดยมีท่านพระครูอุทัย เจ้าคณะตำบลแม่สอด วัดดอนไชย
มาเป็นองค์ประธานในการก่อสร้าง ซึ่งได้รับการถวายที่ดินจาก นายอ้าย หิรัญรัตน์ และ นายจักร แผ่กาษา (ได้บวชเป็นพระและมรณภาพในร่มผ้าเหลืองทั้ง 2 รูป)
โดยทำการก่อสร้างกุฏิขึ้นมา 1 หลังพอเป็นที่อยู่อาศัยขอพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนั้น
นอกจากวัดไทยสามัคคีจะมีองค์หลวงพ่อทันใจหรือพระเจ้าทันใจรัตนมุงเมืองยังมีสถานที่ที่ควรแก่การเคารพบูชาอีกมากมายเช่น
รอยพระพุทธบาทจำลองที่มีอายุถึง 200 กว่าปีโดยนำมาจากประเทศพม่าโดยแผ่นรอยพระพุทธบาทนั้นทำมาจากหินที่แกะสลักขึ้นมาถัดจากนั้นยังมีพระพุทธรูปางประสูติที่มีความสูง
9 เมตร นำรูปแบบมาจากประเทศอินเดีย
นอกจากที่กล่าวมานี้ ทางวัดไทยสามัคคียังมีสถานที่ที่น่าสนใจหรือให้ได้เที่ยวชมอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นศาลาพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงไม้แกะสลักและของเก่าหายากเป็นจำนวนมากโดยทางวัดได้เปิดให้เที่ยวชมได้ทุกวัน
เมื่อเที่ยวชมบริเวณวัดจนรอบ ทางวัดยังมีโรงทานจัดไว้ให้กับผู้ที่เข้ามาทำบุญหรือเที่ยวชมได้รับประทานกันและยังมีบริการ
น้ำชา กาแฟ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ธรรมชาติ
บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษา
น้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษา
การเดินทางไปยังน้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษานั้น ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-แม่ระมาด) แยกขวาตรงหลักกิโลเมตรที่ 13 ผ่านหมู่บ้านแม่กาษาถึงน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษา จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก ประมาณ 2 กิโลเมตร
ถ้ำแห่งนี้เปิดให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และ มีการสร้างบันไดเพื่อเดินขึ้นเขาระยะทางประมาร 500 เมตร และ มีบันไดประมาณ 870 ขั้น ภายในถ้ำจะมีไฟฟ้าต่อเข้าไปในถ้ำ ถึงมีไฟฟ้าไม่มาก แต่ก็ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชม และมองเห็นความสวยงามภายในถ้ำได้บ้าง
ถ้ำแม่อุษาเป็นถ้ำขนาดใหญ่ การเดินทางเข้าไปชมถ้ำจะต้องเดินลุยไปตามลำห้วยแม่อุสุ ช่วงฤดูฝนเข้าชมถ้ำไม่ได้เนื่องจากระดับน้ำในลำธารสูงมาก ภายในถ้ำกว้างใหญ่ เพดานสูง อากาศโปร่ง มีหินงอก หินย้อยรูปร่างต่าง ๆ แปลกตาสวยงามมาก มีห้องโถงถึง 13 ห้องที่มีทางเดินถึงกันได้ทุกห้อง ภายในอากาศโปร่งเย็นสบายไม่อับและเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวนับล้านตัว ใช้เวลาเดินชมความงดงามภายในถ้ำประมาณ 3 ชั่วโมง
การเดินทางไปยังน้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษานั้น ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-แม่ระมาด) แยกขวาตรงหลักกิโลเมตรที่ 13 ผ่านหมู่บ้านแม่กาษาถึงน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษา จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก ประมาณ 2 กิโลเมตร
ถ้ำแห่งนี้เปิดให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และ มีการสร้างบันไดเพื่อเดินขึ้นเขาระยะทางประมาร 500 เมตร และ มีบันไดประมาณ 870 ขั้น ภายในถ้ำจะมีไฟฟ้าต่อเข้าไปในถ้ำ ถึงมีไฟฟ้าไม่มาก แต่ก็ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชม และมองเห็นความสวยงามภายในถ้ำได้บ้าง
ถ้ำแม่อุษาเป็นถ้ำขนาดใหญ่ การเดินทางเข้าไปชมถ้ำจะต้องเดินลุยไปตามลำห้วยแม่อุสุ ช่วงฤดูฝนเข้าชมถ้ำไม่ได้เนื่องจากระดับน้ำในลำธารสูงมาก ภายในถ้ำกว้างใหญ่ เพดานสูง อากาศโปร่ง มีหินงอก หินย้อยรูปร่างต่าง ๆ แปลกตาสวยงามมาก มีห้องโถงถึง 13 ห้องที่มีทางเดินถึงกันได้ทุกห้อง ภายในอากาศโปร่งเย็นสบายไม่อับและเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวนับล้านตัว ใช้เวลาเดินชมความงดงามภายในถ้ำประมาณ 3 ชั่วโมง
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ
น้ำตกพาเจริญ ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ
เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามด้วยชั้นน้ำตกที่ไหล
ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นเล็กชั้นน้อยจำนวนมาก นัก มีน้ำตลอดปี มีถึง 97 ชั้น และตั้งอยู่ริมทางหลวงไม่ไกลจาก เมืองแม่สอด
จึงเป็นจุดที่นิยมแวะมาท่องเที่ยวและพักผ่อน
อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใน อำเภอแม่สอด
และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ประกอบไปด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์พื้นที่เป็น
ภูเขาสูงสลับซับซ้อนเป็น แหล่งต้นน้ำลำธาร และยังเป็นต้นกำเนิดของห้วยแม่ละเมา ชื่อของน้ำตกตั้งตามชื่อของ
ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นผู้พบน้ำตกคนแรกนามว่า สหายพา
ต่อมาชาวบ้านเข้ามาอาศัยในพื้นที่บริเวณนี้ จนเกิดเป็นชุมชนที่เจริญขึ้น
จึงต่อคำว่าเจริญท้ายชื่อน้ำตกเป็นน้ำตกพาเจริญ นอกจากนี้ยังมีเรียกน้ำตกนี้อีก
ชื่อหนึ่งว่า น้ำตกร่มเกล้า 97 ชั้น
สภาพภูมิศาสตร์
ที่ตั้งและอาณาเขต
แม่สอดตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดตาก ระหว่างเส้นรุ้งที่ 16 องศา 42 ลิปดา 47 พิลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 98 องศา 34 ลิปดา 29 พิลิปดาตะวันออก สูงกว่าระดับน้ำทะเล116.2 เมตร ณ ที่ตั้งที่ว่าการอำเภอแม่สอด อำเภอแม่สอดมีพื้นที่ประมาณ 1,986.116 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,241,322.5 ไร่ ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของจังหวัดตาก รองจากอำเภออุ้มผาง และอำเภอสามเงา
อำเภอแม่สอดมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภออื่นในประเทศไทย 3 อำเภอ และ 1 รัฐในประเทศพม่า ดังนี้
- ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
- ทิศใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอพบพระ จังหวัดตาก
- ทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก โดยมีเทือเขาถนนธงชัยเป็นแนวกั้นเขต
- ทิศตะวันตก มีอาณาเขตติดต่อกับรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า โดยมีแม่น้ำเมยเป็นกั้นพรมแดน
ลักษณะภูมิประเทศ
อำเภอแม่สอดมีพื้นที่ทั้งสิ้น 1,986.116 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,241,322.50 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 12.11 ของเนื้อที่จังหวัด (เนื้อที่จังหวัด 16,406,650 ตารางกิโลเมตร) สภาพพื้นส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันซับซ้อนสลับกับหุบเขาแคบ ๆ ลักษณะภูมิประเทศของอำเภอเป็นที่ราบประมาณร้อยละ 20 ของพื้นที่อำเภอ และประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ปกครองไปด้วยป่าโปร่งป่าดงดิบและป่าสน ภูเขาบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาถนนธงชัยที่ต่อลงมาจากทางตอนใต้ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ ทอดผ่านจังหวัดตากและอำเภอแม่สอด ลงไปจนเชื่อมต่อกับทิวเขาตะนาวศรีจังหวัดกาญจนบุรี พื้นที่ลาดเอียงลงไปทางทิศตะวันตกลงสู่แม่น้ำเมยซึ่งกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่าสภาพพื้นที่โดยทั่วไปของอำเภอแม่สอด ตั้งอยู่ในภาคเหนือค่อนไปทางตะวันตกของประเทศไทยประกอบด้วยป่าไม้และเทือกเขาสูง มีพื้นที่ราบสำหรับการเกษตรน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นทิวเขาถนนธงชัยสูงสลับซับซ้อนเป็นตัวแบ่งพื้นที่ออกเป็นฝั่งตากตะวันออก คือ อำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก อำเภอสามเงา และอำเภอวังเจ้า ส่วนฝั่งตากตะวันตก คือ อำเภอแม่สอด อำเภอแม่ระมาด อำเภอพบพระ อำเภอท่าสองยาง อำเภออุ้มผางส่วนที่เป็นที่ราบต่ำถึงเป็นลอนลาด มีความสูงอยู่ระหว่าง 80-200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ครอบคลุมเนื้อที่ร้อยละ 16 ของจังหวัด บริเวณที่เป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนชันมีความสูงอยู่ระหว่าง 200-300 เมตร ครอบคลุมเนื้อที่ร้อยละ 10.5 ของจังหวัดพื้นที่ที่เหลือเป็นเนินเขาเตี้ยไปจนถึงภูเขาสูง ซึ่งในกลุ่มนี้ มีพื้นที่ที่มีความสูงระหว่าง 300-700 เมตรจากระดับน้ำทะเลอยู่ร้อยละ 34.8 ของจังหวัด และมีความสูงมากกว่า 700-2,200 เมตร อยู่ร้อยละ 38.4 ของจังหวัด ยอดเขาสูงสุดทางตะวันออกของอำเภอท่าสองยางที่เคยวัดได้ มีความสูง 1,752 เมตร และยอดเขาสูงสุด ทางตะวันออกของอำเภออุ้มผางที่เคยวัดได้มีความสูง 1,898 เมตรจากระดับน้ำทะเลมีพื้นที่การเกษตร 346,116 ไร่ พื้นที่ป่าไม้ 1,390,494 ไร่ และพื้นที่อยู่อาศัย 27,6701 ไร่ลักษณะภูมิอากาศและอุตุนิยมวิทยา อำเภอแม่สอดมีสภาพภูมิประเทศ มีเทือกเขาถนนธงชัยเป็นตัวปะทะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน จึงรับอิทธิพลจากลมมรสุมมากกว่าจังหวัดตากฝั่งตะวันออกทำให้ปริมาณฝนตก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ในเขตภูเขา เช่นนี้อากาศจะหนาวเย็นมาก
การค้าขายชายแดนไทย-พม่า
มูลค้าการค้าขาย: ภาพรวมเศรษฐกิจของ อ.แม่สอด เติบโตเฉลี่ย 20% ทุกปี ถือเป็นการค้าชายแดนที่มีมูลค่าส่งออกสูงที่สุดทางภาคเหนือของไทย โดยมูลค่าส่งออก ปี 2554 มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท ปี 2555 มูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท ปี 2556 มูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท และปี 2557 เฉพาะแค่เดือน ม.ค.-ก.พ. ยอดถึง 8.6 พันล้านบาท คาดสิ้นปีมูลค่าจะถึง 5 หมื่นล้านบาท สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ น้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆส่วนการนำเข้าสูงขึ้นเช่นกัน ปี 2554 มูลค่า 8 พันล้านบาท ปี 2555 มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ปี 2556 มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท สินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบจากทรัพยากรธรรมชาติ สินค้าเกษตร เป็นต้น
ประวัติ
การตั้งถิ่นฐาน
แม่สอดเป็นเมืองอยู่ทางซีกตะวันตกของแม่น้ำปิง ประวัติความเป็นมามีหลักฐานว่าเมื่อประมาณ 120 ปีที่ล่วงมา (ประมาณปี พ.ศ. 2404-2405) บริเวณที่ตั้งอำเภอหรือชุมชนใหญ่ของอำเภอในปัจจุบันนี้ ได้มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานทำมาหากินอยู่ เรียกชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านพะหน่อแก" ต่อมามีคนไทยจากถิ่นอื่นหลายท้องที่ทางภาคเหนือได้แก่ชาวอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง (ชาวอำเภอเถินยังอพยพไปอำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัยอีกด้วย) พากันอพยพลงมาทำมาหากิจในบริเวณหมู่บ้านนี้เป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวกะเหรี่ยงเจ้าของถิ่นฐานเดิมซึ่งไม่ชอบอยู่ปะปนกับชนเผ่าอื่นต้องพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น หมู่บ้านแห่งนี้ได้เจริญขึ้นตามลำดับ จนทางราชการได้ย้ายด่านเก็บภาษีอากรจากบ้านแม่ละเมา มาอยู่ที่หมู่บ้านพะหน่อแกแห่งนี้ จนถึงปี พ.ศ. 2441 ทางราชการจึงได้ยกฐานะหมู่บ้านขึ้นเป็นอำเภอ เรียกชื่อว่า อำเภอแม่สอด ให้อยู่ในเขตปกครองของมณฑลนครสวรรค์ ต่อมาเมื่อมีการมีการปรับปรุงแก้ไขระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค อำเภอแม่สอดจึงได้เปลี่ยนมาขึ้นกับจังหวัดตาก
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
แม่สอดเป็นเมืองในหุบเขาตั้งอยู่ในแอ่งที่ราบแม่สอด โดยเมื่อประมาณ 200 ล้านปีมาแล้วเคยเป็นทะเลมาก่อน เนื่องจากมีการค้นพบฟอสซิลหอยชนิดแอมโมไนต์ แอ่งที่ราบแม่สอดมีภูเขาล้อมรอบเหมือนอยู่ในก้นกระทะ แอ่งที่ราบมีลักษณะเป็นแนวยาว มีแม่น้ำเมยไหลผ่านทางยาวไปตามแนวเขา และมีลักษณะทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีมากมายทั้งตามหุบเขาไม่ไกลนักจากตัวเมืองแม่สอดและบนสองฝั่งตามแนวยาวของแม่น้ำเมย อย่างไรก็ดี แม่สอดมิใช่เมืองเดียวโดดเดี่ยวในแอ่งที่ราบแม่สอด ยังมีอีกหลายเมืองที่ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเมย ทั้งพบพระ แม่สอด เมียวดี แม่ระมาด และท่าสองยาง
ตามหุบเขาไม่ไกลนักจากตัวเมืองแม่สอด ทั้งที่ดอยมะขามป้อมหนึ่งและสอง ดอยสระกุลี ดอยมณฑา และดอยส้มป่อย บนเส้นทางสายแม่สอด-ตาก มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีมากพอสมควร ทั้งเครื่องใช้ไม้สอยและอาวุธ สันนิษฐานว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและทำกิจกรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และน่าจะเกี่ยวข้องกับเส้นทางเดินทัพของไทยกับพม่าในสมัยอยุธยา
กรุโบราณซึ่งพบที่บ้านพบพระ ก็เป็นแหล่งโบราณคดีอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญ วัตถุโบราณที่พบมีทั้งเครื่องไม้ใช้สอย ทั้งอาวุธและเครื่องประดับสำริด สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายของชนชาติไทยจากจีนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 3-4
สมัยประวัติศาสตร์
อำเภอแม่สอดเป็นอำเภอที่มีความเป็นมาในประวัติศาสตร์ เป็นเมืองที่มีพระมหากษัตริย์ในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองนี้แล้วถึง 3 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกอบอิสรภาพ ณ เมืองแครงและยกทับกลับราชอาณาจักรไทยโดยผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตากและเป็นผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทยจากพม่าครั้งที่ 2
ในสมัยสุโขทัย มีซากเมืองโบราณอีกหลายแห่งบนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเมย ทั้งในตัวเมืองแม่สอดและในเมียวดีฝั่งพม่า ที่ตำบลแม่ตื่นและตำบลสามหมื่นในอำเภอแม่ระมาด แต่ละแห่งที่พบนั้นสร้างขึ้นต่างยุคกัน บางแห่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย คำว่า เมืองฉอด ก็ปรากฏเป็นครั้งแรกในสมัยสุโขทัยเช่นกัน มีการกล่าวถึง เมืองฉอด ในศิลาจารึกหลายหลัก อาทิ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่หนึ่ง ศิลาจารึกวัดศรีชุม และศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงหลักที่ 1 และ 2 แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถพิสูจน์แน่นอนได้ว่า เมืองฉอดอยู่ที่ไหนในแอ่งที่ราบแม่สอด ยังจะต้องอาศัยการสำรวจเพิ่มเติม ที่ว่า เมืองฉอดคือแม่สอดนั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
สำหรับความเป็นมาของชื่อนั้น สันนิษฐานไว้เป็น 3 นัย[ต้องการอ้างอิง] ประการแรก กล่าวกันว่า แม่สอดเป็นเมืองเดียวกันกับ "เมืองฉอด" ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ตั้งประชิดชายแดนอาณาจักรสุโขทัย เมืองฉอดมีเจ้าเมืองชื่อพ่อขุนสามชนคำว่า เมืองฉอด เรียกกันนานเข้าอาจเพี้ยนกลายมาเป็น "แม่สอด" ก็เป็นได้ อีกนัยหนึ่งแม่สอดอาจได้ชื่อมาจากชื่อของลำห้วยสายสำคัญที่ไหลผ่านหมู่บ้านนี้ คือ ลำห้วยแม่สอด ส่วนอีกนัยหนึ่งแม่สอดอาจมาจากคำว่า "เหม่ช็อค" ในภาษามอญซึ่งแปลว่าพม่าตาย[ต้องการอ้างอิง]
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)