วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และศิลปะวัฒนธรรม


  พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่






"พระธาตุหินกิ่ว ดอยดินจี่" ตั้งอยู่ที่บ้านวังตะเคียน หมู่ที่ 5 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก วัดพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่มีพระธาตุประดิษฐานอยู่ในสถูปเจดีย์ชาวบ้านเรียกว่า "พญาล่อง" ตั้งอยู่บนภูเขา ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมอญขนาดเล็ก สร้างไว้บนก้อนหินด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนชะง่อนผากิ่วคอดเหมือนจะขาดออกจากกัน ชาวบ้านเรียกหินมหัศจรรย์นี้ว่า "เจดีย์หินพระอินทร์แขวน" 



     พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ เล่าสืบต่อกันมาว่า ผู้สร้างเป็นชาวกะเหรี่ยงในสมัยที่อังกฤษปกครองพม่า ชื่อว่านายพะส่วยจาพอ ได้มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ได้นำเงินตราเหรียญรูปีบรรทุกหลังช้างมาเพื่อหาที่สำหรับสร้างเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา ครั้นมาถึงบริเวณผาหินกิ่ว (หรือดินจี่) ได้มองเห็นหินก้อนใหญ่ชะโงกงำตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน และมีลักษณะคล้ายกับเจดีย์พระอินทร์แขวนในประเทศพม่า จึงได้ทำการก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้นำพระสารีสริกธาตุบรรจุไว้ในองค์เจดีย์ พร้อมกับพระพุทธรูปทองคำจำนวน 5 องค์ 


       พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูง มองลงมาข้างล่างจะเห็นแม่น้ำเมยและทิวทัศน์ในเขตประเทศพม่าชัดเจน เพราะอยู่ใกล้กัน หินที่อยู่บนดอยนี้มีลักษณะสีดำหรือสีนำตาลไหม้ จึงเรียกว่า "พระธาตุดอยดินจี่" ซึ่งหมายถึงดินที่ไฟไหม้ ในราวเดือนกุมภาพันธ์ ชาวอำเภอแม่สอด และพม่าจะมีงานนมัสการพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่นี้ทุกปี 


       นอกจากนี้บริเวณวัดพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ ยังมีสิ่งสำคัญคือ เรือโบราณพบเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2539 โดยชาวบ้านวังตะเคียน ได้ช่วยกันกู้ขึ้นมาเก็บรักษาไว้ที่เชิงดอยดินกี่ เป็นเรือที่ขุดจากไม้ซุงทั้งต้น ขนาดของเรือกว้าง 126 เมตร ยาว 13.35 เมตร สูง 0.52 เมตร หนา 0.04 เมตร ส่วนหัวเรือและท้ายเรือ มีความยาวเท่ากัน (ประมาณ 1.20 เมตร) ภายในเรือมีช่องสำหรับสอดไม้กระดานเพื่อทำเป็นที่นั่งจำนวน 4 ช่อง มีระยะห่างไม่เท่ากัน จากรูปและขนาดของเรือ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือที่ใช้ในการขนส่งอาหารหรือสินค้าระหว่างทั้งสองฝั่งแม่น้ำเมย มีอายุประมาณ 200 ปี 

         สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 7 อย่าง 

          1. พระพุทธรูปพระพักตร์งามภายในถ้ำฆ้องถ้ำกลอง เป็นพระพุทธรูปที่ใบหน้างามที่สุดในโลก สร้างแบบศิลปพม่า ประดิษฐานอยู่ในถ้ำฆ้องถ้ำกลอง ชื่อถ้ำมาจากเมื่อโยนหินไปในถ้ำ หินกระทบผนัง จะได้ยินเสียงคล้ายเสียงฆ้องและเสียงกลอง ถัดหลังองค์พระจะเป็นถ้ำพญานาค มีลักษณะใหญ่เรียวเป็นรูเล็กลงจนกระทั่งมุดตามเข้าไปไม่ได้ ลักษณะของถ้ำพญานาคก็คือ มีน้ำซึมไหลออกตลอดปี เพราะนาคขาดน้ำไม่ได้ หากจะเข้าถ้ำพญานาค ควรมีไฟฉายมาด้วย เมื่อเดินขึ้นมานมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ จะต้องเดินผ่านถ้ำฆ้องถ้ำกลองก่อน ความสูงนับระยะทางเป็นบันไดได้ 283 ขั้น 

           2. พระธาตุหินกิ่ว (พระธาตุหินพระอินทร์แขวน) ตั้งอยู่เชิงหน้าผา ห่างจากถ้ำฆ้องถ้ำกลองมาทางด้านซ้ายมือประมาณ 300 เมตร ความสูงอยู่ประมาณกึ่งกลางของดอยดินจี่ พระธาตุจะประดิษฐานอยู่บนหินกิ่วที่มีลักษณะคล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ข้าง ๆ องค์พระเจดีย์จะมีรูปปั้นเทพารักษ์หลายองค์ศิลปะแบบพม่าและไทยใหญ่ ใกล้ ๆ กับพระธาตุจะมีศาลาให้พุทธศาสนิกชนพักเหนื่อยและสำหรับสวดมนต์ 

            3. เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่เกือบชั้นบนสุดของยอดดอย ระยะความสูงจากด้านล่างนับเป็นขั้นบันไดได้ 413 ขั้น แต่ถ้าเดินจากถ้ำฆ้องถ้ำกลองก็เดินอีกแค่ 130 ขั้นเท่านั้น ภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของมีค่า เงินรูปี เหรียญตรา และพระพุทธรูปทองคำ 5 องค์ ที่ผู้สร้างนำติดตัวมาจากประเทศพม่า ต่ำลงมาอีกนิดจะเป็นรอยเท้าคนมีบุญหรือรอยเท้าพระอรหันต์ 

             4. รอยเท้าพระอรหันต์ หรือรอยเท้าคนมีบุญ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรอยเท้าพระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่งมาประทับเอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังสักการะบูชา เพราะคนธรรมดาจะไม่สามารถเหยียบหินแล้วให้เป็นรอยแบบนี้ได้ ในปัจจุบันชาวบ้านได้สร้างตู้กระจกครอบรอยเท้าเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันการชำรุด 

              5. พระพุทธรูปปางลีลา เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นดอย ด้านหน้าองค์พระเป็นบันไดนาคราช 2 ตัวทอดยาวต้อนรับผู้ที่จะเดินขึ้นมานมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้านขวามือขององค์พระเป็นรูปปั้นคนสร้างพระธาตุนี้ขี่ม้าคือนายพะส่วยจาพอ 

               6. เมืองลับแล ถัดจากรอยเท้าพระอรหันต์และเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาที่จุดสูงสุดของดอย จะเป็นปากทางเข้าเมืองลับแล บรรยากาศและต้นไม้จะแปลก ๆ ไม่เหมือนป่าทั่วไป ผู้มีสัมผัสที่ 6 (Sixth Sence) จะรู้ได้ การขึ้นมาทำบุญสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เพราะถัดจากนี้ไปจะเข้าสู่เขตเมืองลับแล ไปแล้วอาจไม่ได้กลับมา 

                7. เรือโบราณ 200 ปี เรือลำนี้ในอดีตแล่นอยู่ในแม่น้ำเมย รับส่งสินค้าแก่ประชาชนสองฟากฝั่ง ต่อมาในระหว่างสงครามถูกทำให้จมน้ำเพื่อซ่อนไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์ ด้วยความหวังว่าเมื่อผ่านสงครามแล้วจะกู้ขึ้นมาอีก แต่โชคร้ายคนเหล่านั้นตายหมด เรือก็เลยจมน้ำมานับร้อยปี แต่เรือทุกลำก็มีแม่ย่านางอยู่ เมื่อถึงเวลาอันสมควร แม่ย่านางก็ไปดลใจให้คนไปพบและกู้ขึ้นมา ปัจจุบันชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรือลำนี้เหมือนเดิมแล้ว 




ข้อมูลโดย : สำนักงานจังหวัดตาก ศาลากลางจังหวัดตาก 

อ.เมือง จ.ตาก 63000


ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช





ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยู่ตรงข้ามสนามกีฬาเทศบาลแม่สอด สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2545  อยู่ติดกับอุทยานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ทีปังกรรัศมีโชติ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ครั้นเมื่อพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแกลง ประเทศสหภาพเมียนมาร์ โดยเสด็จผ่านด่านแม่ละเมา อ.แม่สอดเป็นแห่งแรก ภายในบริเวณศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีรูปปั้นช้างศึกของพระนเรศวรขนาดเท่าของจริง อยู่ภายในสวนที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ด้านหน้าศาลยังมีรูปปั้นไก่ชนจำนวนมากที่ประชาชนนำมาแก้บน ทำให้ดูแล้วน่าเลื่อมใส ใครที่เดินทางไปมาอำเภอแม่สอดให้ทำการสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทาง



ศาลเจ้าพ่อพะวอ






ตั้งอยู่บนเนินเขาพะวอบนถนนสายตาก-แม่สอดบริเวณกม.ที่ ๖๒-๖๓ ศาลนี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมือตากและแม่สอดมาก เล่ากันว่าท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง สมเด็จพระนเรศวรทรงแต่งตั้งให้เป็นนายด่านอยู่ที่ด่านแม่ละเมา เพื่อคอยป้องข้าศึกมิให้ข้ามเข้ามาได้ เดิมทีศาลเจ้าพ่อพะวออยู่อีกด้านหนึ่งของเขา แต่เมื่อตัดถนนไปทางใหม่จึงได้มาสร้างศาลขึ้นใหม่ มีผู้เล่าว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าใครไปล่าสัตว์ในบริเวณเขาพะวอแล้วมักจะเกิดเหตุต่างๆ เช่นรถเสีย เจ็บป่วย หรือหลงทางและเพราะเหตุที่เจ้าพ่อพะวอเป็นนักรบจึงชอบเสียงปืน ผู้ที่เดินทางผ่านนิยมยิงปืนถวายท่านเป็นการแสดงความเคารพ หรือมิฉะนั้นก็จะจุดประทัดหรือบีบแตรรถถวาย




วัดโพธิคุณ(วัดห้วยเตย)




วัดโพธิคุณ  หรือ วัดห้วยเตย” อีกหนึ่งวัดที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ สำคัญของตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ริมทางหลวงหมายเลข 105 โดยวัดนั้นตั้งอยู่ใกล้ถนนสายเอเซียตาก-แม่สอด หลักกิโลเมตรที่ 69 อยู่ห่างจากตัวอำเภอแม่สอด 11 กิโลเมตรและห่างจาก เนินพิศวงประมาณ 500 เมตร วัดแห่งนี้เป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี (วัดป่า) บรรยากาศในวัดนั้นร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ภายในวัดออกแบบและจัดวางผัง สภาพภูมิทัศน์ตลอดจนสิ่งก่อสร้างที่งดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างตกแต่งตลอดจนการปั้นพระพุทธรูป โดยคุณสมประสงค์ชาวนาไร่ ศิลปบัณฑิตจากวิทยาลัยครูอุบลราชธานีและมหาบัณฑิตทางด้านโบราณคดีมหาวิทยาลัย ศิลปากร ผู้ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลป์อันวิจิตรมามากมายทั้งประติมากรรมและจิตรกรรม โดยเฉพาะอาคารอุโบสถของวัดแห่งนี้นั้นท่านได้อุทิศชีวิตและจิตใจในการก่อสร้างนานกว่า 18 ปี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาโดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น




วัดไทยสามัคคี (วัดหลวงพ่อทันใจ)


วัดไทยสามัคคีเดิมชื่อว่า วัดเหนือ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งวัดอยู่ต้นน้ำลำห้วยแม่กื้ดหลวง ซึ่งชาวบ้านเรียกเหนือน้ำ ตั้งอยู่ ณ บ้านแม่กื้ดหลวงหมู่ 9 ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ โดยมีท่านพระครูอุทัย เจ้าคณะตำบลแม่สอด วัดดอนไชย มาเป็นองค์ประธานในการก่อสร้าง ซึ่งได้รับการถวายที่ดินจาก นายอ้าย หิรัญรัตน์ และ นายจักร แผ่กาษา (ได้บวชเป็นพระและมรณภาพในร่มผ้าเหลืองทั้ง 2 รูป) โดยทำการก่อสร้างกุฏิขึ้นมา 1 หลังพอเป็นที่อยู่อาศัยขอพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนั้น


นอกจากวัดไทยสามัคคีจะมีองค์หลวงพ่อทันใจหรือพระเจ้าทันใจรัตนมุงเมืองยังมีสถานที่ที่ควรแก่การเคารพบูชาอีกมากมายเช่น รอยพระพุทธบาทจำลองที่มีอายุถึง 200 กว่าปีโดยนำมาจากประเทศพม่าโดยแผ่นรอยพระพุทธบาทนั้นทำมาจากหินที่แกะสลักขึ้นมาถัดจากนั้นยังมีพระพุทธรูปางประสูติที่มีความสูง 9 เมตร นำรูปแบบมาจากประเทศอินเดีย นอกจากที่กล่าวมานี้ ทางวัดไทยสามัคคียังมีสถานที่ที่น่าสนใจหรือให้ได้เที่ยวชมอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นศาลาพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงไม้แกะสลักและของเก่าหายากเป็นจำนวนมากโดยทางวัดได้เปิดให้เที่ยวชมได้ทุกวัน เมื่อเที่ยวชมบริเวณวัดจนรอบ ทางวัดยังมีโรงทานจัดไว้ให้กับผู้ที่เข้ามาทำบุญหรือเที่ยวชมได้รับประทานกันและยังมีบริการ น้ำชา กาแฟ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย


ธรรมชาติ


บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษา




น้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษา
การเดินทางไปยังน้ำพุร้อนแม่กาษาและถ้ำแม่อุษานั้น ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-แม่ระมาด) แยกขวาตรงหลักกิโลเมตรที่ 13 ผ่านหมู่บ้านแม่กาษาถึงน้ำพุร้อนและถ้ำแม่อุษา จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก ประมาณ 2 กิโลเมตร
   
ถ้ำแห่งนี้เปิดให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และ มีการสร้างบันไดเพื่อเดินขึ้นเขาระยะทางประมาร 500 เมตร และ มีบันไดประมาณ 870 ขั้น ภายในถ้ำจะมีไฟฟ้าต่อเข้าไปในถ้ำ ถึงมีไฟฟ้าไม่มาก แต่ก็ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชม และมองเห็นความสวยงามภายในถ้ำได้บ้าง
   
ถ้ำแม่อุษาเป็นถ้ำขนาดใหญ่ การเดินทางเข้าไปชมถ้ำจะต้องเดินลุยไปตามลำห้วยแม่อุสุ ช่วงฤดูฝนเข้าชมถ้ำไม่ได้เนื่องจากระดับน้ำในลำธารสูงมาก ภายในถ้ำกว้างใหญ่ เพดานสูง อากาศโปร่ง มีหินงอก หินย้อยรูปร่างต่าง ๆ แปลกตาสวยงามมาก มีห้องโถงถึง 13 ห้องที่มีทางเดินถึงกันได้ทุกห้อง ภายในอากาศโปร่งเย็นสบายไม่อับและเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวนับล้านตัว ใช้เวลาเดินชมความงดงามภายในถ้ำประมาณ 3 ชั่วโมง  

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ




น้ำตกพาเจริญ ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามด้วยชั้นน้ำตกที่ไหล ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นเล็กชั้นน้อยจำนวนมาก นัก มีน้ำตลอดปี มีถึง 97 ชั้น และตั้งอยู่ริมทางหลวงไม่ไกลจาก เมืองแม่สอด จึงเป็นจุดที่นิยมแวะมาท่องเที่ยวและพักผ่อน อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใน อำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ประกอบไปด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์พื้นที่เป็น ภูเขาสูงสลับซับซ้อนเป็น แหล่งต้นน้ำลำธาร และยังเป็นต้นกำเนิดของห้วยแม่ละเมา  ชื่อของน้ำตกตั้งตามชื่อของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นผู้พบน้ำตกคนแรกนามว่า สหายพา ต่อมาชาวบ้านเข้ามาอาศัยในพื้นที่บริเวณนี้ จนเกิดเป็นชุมชนที่เจริญขึ้น จึงต่อคำว่าเจริญท้ายชื่อน้ำตกเป็นน้ำตกพาเจริญ นอกจากนี้ยังมีเรียกน้ำตกนี้อีก ชื่อหนึ่งว่า น้ำตกร่มเกล้า 97 ชั้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น